หนึ่งในปัญหากวนใจสำหรับทาสหมา ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ขนนุ่ม ๆ ของพวกเค้า นั่นคือ เห็บ และ หมัด ปรสิตเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญให้น้องหมาต้องเกาจนขนร่วง แต่ยังอาจเป็นพาหะนำโรคร้ายแรงมาสู่พวกเค้า และอาจลามมาสู่เราได้อีกด้วย
บทความนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่ทุกคนไปทำความรู้จักความแตกต่างระหว่าง เห็บหมา และ หมัดหมา ว่ามีลักษณะต่างกันอย่างไร พร้อมวิธีป้องกันอย่างถูกต้องที่ทาสหมาทุกคนควรรู้
ความแตกต่างของเห็บหมา และ หมัดหมา
เห็บ (Tick) และ หมัด (Flea) เป็นปรสิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่บนร่างกายสัตว์ โดยจะเกาะตามผิวหนังเพื่อดูดเลือดเป็นอาหารเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนดังนี้
ข้อบ่งชี้ | เห็บหมา (Tick) | หมัดหมา (Flea) |
ขนาด | มีขนาดใหญ่กว่าหมัด สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า | มีขนาดเล็กกว่าเห็บมาก จนแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (แต่อาจสังเกตได้จากจุดดำ ๆ ตามขนหรือผิวหนัง ซึ่งเป็นอุจจาระของหมัด) |
ลักษณะ | ลำตัวแบนจากด้านบนลงล่าง สีเทาหรือน้ำตาล มี 8 ขา (จัดอยู่ในกลุ่มแมง) | ลำตัวแบนจากด้านข้าง สีน้ำตาลแดง มี 6 ขา (จัดอยู่ในกลุ่มแมลง) โดยขาหลังมีความแข็งแรงมาก |
การเคลื่อนที่ | กระโดดไม่ได้ จึงเคลื่อนที่ด้วยการไต่ | เคลื่อนไหวได้ว่องไวด้วยการกระโดด ซึ่งสิ่งนี้อาจทำให้มองเห็นได้ง่ายขึ้นเมื่อมันกระโดด แต่จะอยู่นิ่งไม่นานและย้ายที่ไปมาเร็ว |
การผสมพันธุ์ และวางไข่ | การผสมพันธุ์จะเกิดบนตัวสัตว์ แต่จะวางไข่ในสิ่งแวดล้อมภายนอก | การผสมพันธุ์ของหมัดจะเกิดบนตัวสัตว์และวางไข่ไว้ตามขนหรือผิวหนัง |
บริเวณที่พบ | มักพบได้บริเวณหัว คอ หรือแอบอยู่ตามซอกผิวหนัง เช่น หลังใบหู รักแร้ อุ้งเท้า และขาหนีบ | พบได้ทั่วตัว โดยเฉพาะบริเวณโคนหาง หลัง และท้อง |
อาการที่พบ | คันเฉพาะจุดที่เห็บเกาะ มีตุ่มแดงและบวมบริเวณที่ถูกกัด | คันทั่วตัว ผิวหนังแดง อักเสบ หรือมีสะเก็ดแผลจากแพ้น้ำลายหมัด |
ลักษณะการเกิดโรค | เห็บจะดูดเลือด และปล่อยน้ำลายเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งน้ำลายของเห็บอาจนำเชื้อโรคมาด้วย ทำให้น้องหมาเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคโลหิตจาง: เกิดจากการเสียเลือดจำนวนมาก หากมีเห็บเกาะจำนวนมาก โรคพยาธิเม็ดเลือด: เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียหรือปรสิตในเม็ดเลือด ซึ่งเห็บจะปล่อยเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดขณะดูดเลือด อาจทำให้น้องหมามีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร มีไข้ เจ็บข้อหรือต่อมน้ำเหลืองโต | หมัดจะดูดเลือด และปล่อยน้ำลาย คล้ายกับเห็บ ซึ่งอาจทำให้น้องหมาติดโรคได้ เช่น ภาวะโลหิตจางจากการเสียเลือด: เช่นเดียวกับเห็บ หากมีการติดหมัดจำนวนมาก โดยเฉพาะในลูกสุนัขหรือสุนัขพันธุ์เล็ก อาจทำให้เสียเลือดจนเกิดภาวะโลหิตจางรุนแรงได้ การติดพยาธิตัวตืด: หมัดเป็นพาหะของพยาธิตัวตืด สุนัขจะติดเชื้อจากการกินหมัดที่มีตัวอ่อนพยาธิเข้าไปขณะเลียขนหรือกัดแทะตัว เกิดอาการแพ้น้ำลายหมัด (Flea Allergy Dermatitis): เป็นอาการแพ้ที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่อน้ำลายหมัด ทำให้ผิวหนังอักเสบ คันอย่างรุนแรง ขนร่วง และมีแผลจากการเกา |
วิธีป้องกันเห็บ และหมัดให้น้องหมา
เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าเห็บ และหมัดมีความแตกต่างกันอย่างไร สิ่งสำคัญถัดไปคือการป้องกันไม่ให้พวกปรสิตเหล่านี้มารบกวนสุขภาพลูกรักของเรา เพราะนอกจากจะสร้างความรำคาญแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดโรคร้ายแรงตามมาได้ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลลูกรักได้อย่างถูกวิธี มาดูกันว่าเราจะป้องกันเห็บหมา หมัดหมาได้อย่างไรบ้าง
- ตรวจเช็กร่างกายสุนัขหลังกลับจากพื้นที่กลางแจ้งหรือเดินเล่น
เมื่อพาน้องหมาออกไปข้างนอก เช่น สวนสาธารณะ หรือสนามหญ้า ควรเช็กว่ามีเห็บ หมัดที่อาจติดมาจากสิ่งแวดล้อมมากับพวกเค้าหรือไม่ โดยให้สังเกตบริเวณหัว คอหรือตามซอกผิวหนัง เช่น หลังใบหู รักแร้ อุ้งเท้า และขาหนีบ หากพบให้รีบกำจัดทันที
- ดูแลขนเป็นประจำ
การแปรงขนจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตเห็บ หมัดได้ง่ายขึ้น หากพบสิ่งผิดปกติจะได้รักษาหรือกำจัดได้อย่างทันเวลา
- กำจัดเห็บหมัดอย่างถูกวิธี
หากพบเห็บ และหมัดบนตัวน้องหมา ให้กำจัดออกโดยใช้แหนบปลายแหลมดึงออกช้า ๆ ในส่วนที่ใกล้กับผิวหนังให้มากที่สุด ห้ามบีบหรือขยี้ตัวเห็บ และหมัดเด็ดขาด เพราะจะทำให้น้ำลายของเห็บ หมัด ซึ่งอาจมีเชื้อโรคไหลเข้าสู่รอยกัดได้
หลังจากดึงเห็บ หมัดออกแล้วให้ใส่ในภาชนะที่ปิดสนิท จากนั้นทำความสะอาดบริเวณที่ถูกกัดด้วยแอลกอฮอล์หรือแผ่นเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ
- สังเกตอาการผิดปกติของการติดเชื้อเห็บ หมัด
น้องหมาจะมีอาการคัน เกาตัวบ่อยผิดปกติ ขนร่วง ผิวหนังแดง ระคายเคือง เหงือกซีด ซึม เบื่ออาหาร มีไข้ หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
- รักษาความสะอาดบ้านและที่อยู่ของสุนัข
เนื่องจากเห็บหมัดจะเจริญเติบโตได้ดีในช่วงที่อากาศชื้น และอบอุ่น โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน และในพื้นที่ที่ไม่สะอาด จึงควรหมั่นทำความสะอาดเบาะนอนของน้องหมา พรม พื้นบ้าน และโซฟา รวมถึงควรดูดฝุ่นเป็นประจำ และทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณที่นอนให้แห้ง และสะอาดอยู่เสมอ
- ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเห็บ หมัด
เช่น ยาหยอดหลังคอ ยากิน ปลอกคอกันเห็บหมัดหรือยาฉีด โดยควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนใช้ เพื่อเลือกสูตรที่เหมาะสมกับน้ำหนัก และสุขภาพของพวกเค้า
- อาบน้ำให้น้องหมาด้วยแชมพูกำจัดเห็บหมัด
เป็นวิธีที่ช่วยลดจำนวนปรสิตบนตัวน้องหมาได้แบบง่าย ๆ แม้ประสิทธิภาพของแชมพูจะอยู่ได้ไม่นานเท่ากับยากินหรือยาหยดหลังคอ แต่ก็สามารถใช้เป็นตัวช่วยเสริม โดยเฉพาะในช่วงที่พบการระบาดของเห็บ หมัดอย่างรุนแรง
- ดูแลสภาพแวดล้อมรอบบ้านให้เรียบร้อย
เช่น ตัดหญ้าให้เตี้ย หลีกเลี่ยงการพาสุนัขไปในบริเวณรกหรือชื้นแฉะ เพราะเป็นแหล่งซ่อนตัวของเห็บ หมัดได้
การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างเห็บหมา และหมัดหมา เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญสำหรับทาสหมาอย่างเรา เพราะอย่าลืมว่า การป้องกันดีกว่าการรักษาเสมอ
การใส่ใจดูแลน้องหมาของเราด้วยการป้องกันเห็บ หมัดอย่างถูกวิธี และสม่ำเสมอ จะช่วยให้พวกเค้าปลอดภัยจากโรค และมีสุขภาพดี พร้อมให้เราได้ฟัดไปอีกนาน ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.cdc.gov/ticks/prevention/preventing-ticks-on-pets.html
https://www.petmd.com/dog/general-health/flea-and-tick-prevention-and-treatment-dogs