ขนมแมวเลีย ไอเทมยอดฮิตที่ทาสแมวคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นทาสแมวตัวจริง หรือแม้แต่คนที่ไม่เคยเลี้ยงน้องแมวก็อาจเคยเห็นหรือได้ยินชื่อมาบ้าง ด้วยแพ็กเกจซองขนาดเล็ก พกพาง่าย แถมรสชาติก็ถูกปากเจ้านาย ทำให้ขนมแมวเลียกลายเป็นของโปรดที่หลายบ้านมีติดไว้ เพื่อเป็นของว่างหรือรางวัลแก่เจ้านายตัวน้อย
แต่ถึงแม้ขนมแมวเลียจะดูปลอดภัย ก็ควรให้ด้วยความระมัดระวัง เพราะถ้าให้ในปริมาณมากเกินไป อาจส่งผลร้ายต่อไตของเจ้าเหมียวได้ โดยที่คุณอาจคาดไม่ถึง ดังนั้น วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับขนมแมวเลียให้มากขึ้น พร้อมเคล็ดลับการให้อย่างถูกวิธี เพื่อให้น้องแมวมีความสุข สุขภาพดี และห่างไกลโรคภัยต่าง ๆ
ขนมแมวเลียคืออะไร ?
ขนมแมวเลียจัดอยู่ในหมวดของอาหารว่างหรือขนม มีลักษณะเป็นครีมข้นบรรจุในซองขนาดเล็ก พกพาง่าย และใช้งานสะดวก เพียงแค่ฉีกซองก็สามารถบีบให้เจ้าเหมียวเลียกินได้ทันที
วัตถุดิบ และประโยชน์ของขนมแมวเลีย
ขนมแมวเลียมักมีวัตถุดิบหลักคือเนื้อสัตว์คุณภาพดีหลากหลายชนิดเช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ เนื้อกุ้ง หรือสัตว์ทะเลอื่น ๆ ที่มีกลิ่นหอมน่ากิน พร้อมรสชาติแสนอร่อยในแบบที่น้องแมวชื่นชอบ
นอกจากนี้ ยังมีการเสริมส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแมว เช่น
- โอเมก้า 3 ช่วยบำรุงสมอง และขน
- วิตามินต่าง ๆ เสริมสร้างสุขภาพ และภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- วิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา
- วิตามินอี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
- โพรไบโอติก ช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร
ใช้เป็นของรางวัลในการฝึก
นอกจากประโยชน์ในซอง ที่มาพร้อมรสชาติแสนถูกใจแล้ว ขนมแมวเลียจึงมักถูกใช้เป็นของว่างหรือรางวัลระหว่างการฝึก เช่น การใช้กระบะทราย การนั่งรออาหาร
เพราะเมื่อพวกเค้าได้รับรางวัลเป็นขนมแมวเลีย จะช่วยกระตุ้นให้สมองของแมวหลั่งสารสื่อประสาทที่เรียกว่าโดพามีนออกมา ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ทำให้น้องแมวจดจำพฤติกรรมนั้น ๆ ได้ดี และอยากทำซ้ำอีก ทำให้การฝึกมีประสิทธิภาพ และเห็นผลได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ข้อเสียของขนมแมวเลียหากได้รับมากเกินไป
เพราะเหรียญย่อมมีสองด้าน แม้ขนมแมวเลียจะดูมีประโยชน์ต่อน้องแมว แต่หากให้พวกเค้ากินอย่างไม่เหมาะสมหรือไม่ระมัดระวัง ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพน้องแมวได้เช่นกัน
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย
หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ การที่คุณพ่อคุณแม่บางบ้านใช้ขนมแมวเลียแทนอาหารมื้อหลัก ด้วยลักษณะที่เป็นเนื้อครีมข้นคล้ายอาหารเปียก ทำให้บางคนเข้าใจผิด และให้ในปริมาณมากเกินไป
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ขนมแมวเลียจัดอยู่ในหมวดอาหารว่างหรือขนมซึ่งไม่ได้มีคุณค่าทางโภชนาการที่สมดุลเท่ากับอาหารหลัก จึงอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็น
โรคอ้วน
โดยทั่วไปแล้ว ขนมแมวเลีย 1 ซอง มักมีโปรตีน และไขมันต่ำ แต่ให้พลังงานค่อนข้างสูง เมื่อน้องแมวได้รับขนมแมวเลียเข้าไปในปริมาณที่มากเกินความต้องการ ก็จะทำให้เกิดพลังงานส่วนเกิน และถ้าหากไม่มีกิจกรรมหรือการเผาผลาญที่เพียงพอ ก็จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วนได้
ภาวะขาดสารอาหาร
นอกจากโรคอ้วนแล้ว ในระยะยาวอาจนำไปสู่ภาวะขาดสารอาหารบางชนิดได้ เพราะขนมแมวเลียไม่ได้มีสารอาหารครบถ้วนเหมือนอาหารเม็ดหรืออาหารเปียกทั่วไป
โรคไต
ปริมาณโซเดียม และสารปรุงแต่งรสที่มักถูกเติมลงในขนมแมวเลียเพื่อเพิ่มความอร่อยหรือเพื่อช่วยยืดอายุการเก็บรักษา ซึ่งถึงแม้ส่วนใหญ่แล้วโซเดียมจะอยู่ในระดับที่ได้รับการควบคุม แต่หากคุณพ่อคุณแม่ให้น้องแมวกินเป็นประจำในปริมาณมาก รวมถึงได้รับน้ำดื่มไม่เพียงพอ ก็อาจจะส่งผลให้ไตต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย จนในระยะยาวอาจนำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับไตได้ โดยเฉพาะในแมวสูงอายุที่มีแนวโน้มเป็นโรคไตอยู่แล้ว
สัญญาณเตือนปัญหาไตในน้องแมวที่ไม่ควรมองข้าม
การสังเกตอาการผิดปกติของน้องแมวก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ หากพบว่าน้องแมวมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจเช็กร่างกายโดยละเอียด เพื่อหาแนวทางการรักษาต่อไป
- ดื่มน้ำบ่อย และปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
- เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
- อาเจียนหรือท้องเสีย
- มีกลิ่นปาก
- เหงือกอักเสบ
- อ่อนเพลีย ซึม ไม่ร่าเริง
ดังนั้น การให้ขนมแมวเลียจึงควรอยู่ภายใต้ความใส่ใจ และความพอดี เพื่อให้น้องแมวได้รับประโยชน์จากขนมอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องเสี่ยงกับปัญหาสุขภาพที่อาจตามมาในภายหลัง
เคล็ดลับการให้ขนมแมวเลีย
- อ่านสัดส่วนการให้ขนมตามน้ำหนักตัวของน้องแมวบนฉลากเสมอ
เพื่อให้น้องแมวได้รับขนมในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป ช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพ และควบคุมน้ำหนักได้ดี
- เลือกขนมสูตรที่ระบุไว้ว่ามีปริมาณโซเดียมต่ำ
เพราะโซเดียมที่มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อไต และระบบหัวใจของน้องแมวได้ การเลือกขนมที่ระบุว่าโซเดียมต่ำจะช่วยดูแลสุขภาพในระยะยาวได้
- เตรียมน้ำเปล่าสะอาดให้พร้อมดื่ม และวางไว้ให้ทั่วถึงบริเวณบ้าน
เพื่อให้น้องแมวสามารถดื่มน้ำได้อย่างเพียงพอ ซึ่งจะช่วยลดภาระการทำงานของไต และส่งเสริมระบบขับถ่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- เลือกขนมแมวเลียที่ระบุว่าไม่มีสารกันเสีย และสารเติมแต่งที่เป็นอันตราย
หากเป็นไปได้ ควรเลือกขนมแมวเลียที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีหรือสารกันเสียที่อาจทำให้น้องแมวแพ้หรือมีปัญหาต่อสุขภาพในระยะยาว
- ตรวจสอบวันหมดอายุ และเก็บรักษาขนมอย่างเหมาะสม
เพื่อรักษาคุณภาพ และความสดใหม่ของขนม ควรเก็บในที่แห้ง และเย็น ปิดฝาให้สนิทหลังใช้ทุกครั้ง
ขนมแมวเลียเป็นตัวเลือกที่ดีในการสร้างความสุขให้ทั้งเจ้านาย และทาสแมว แต่การให้ในปริมาณที่เหมาะสม และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทาสแมวทุกท่านเข้าใจเกี่ยวกับขนมแมวเลียมากขึ้น ทั้งในด้านประโยชน์ และข้อควรระวัง เพื่อให้เจ้านายที่รักของเราอร่อยได้อย่างมีความสุข และมีสุขภาพดี อยู่กับเราไปอีกนาน ๆ