แม่ ๆ ทุกคนคงทราบกันดีว่า สุนัขทุกตัวต้องได้รับวัคซีนโดยเฉพาะลูกสุนัข แต่หลาย ๆ ท่านอาจยังไม่ทราบถึงเรื่องสำคัญอีกหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนในสุนัข วันนี้เราจะมา บอกเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ๆ กันค่ะ
ทำไมวัคซีนจึงสำคัญสำหรับสุนัข?
สำหรับสุนัขแล้ว วัคซีนเป็นมากกว่ายารักษา เพราะวัคซีนจะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคที่อาจเกิดขึ้นกับสุนัขได้ โดยวัคซีนจะเลียนแบบตัวการที่ก่อให้เกิดโรคร้าย เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายเพื่อสร้างเกราะป้องกันขึ้นมานั่นเองค่ะ
วัคซีนสุนัขที่ควรได้รับ
สำหรับการแบ่งประเภทวัคซีนในสัตว์เลี้ยง นอกจากแบ่งตามชนิดวัคซีนเชื้อเป็นและเชื้อตาย ซึ่ง โดยทั่วไปยังอาจแบ่งเป็นวัคซีนหลัก และวัคซีนทางเลือก
แต่ในกรณีของสุนัขในประเทศไทย วัคซีนที่ฉีดกันในปัจจุบันจะเป็นวัคซีนหลักเกือบทั้งหมด ซึ่งหมายถึงมีความจำเป็นต้องฉีดเพื่อป้องกันโรคจากการติดเชื้อที่รุนแรง ซึ่งจะมีดังต่อไปนี้
วัคซีนพิษสุนัขบ้า
เป็นวัคซีนที่ถูกบังคับโดยกรมปศุสัตว์ ให้เจ้าของสุนัขต้องพาสุนัขไปฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า ในปีแรก 2 ครั้ง และฉีดกระตุ้นซ้ำ ปีละ 1 ครั้งไปตลอดชีวิต เพราะเป็นโรคร้ายแรงที่ติดต่อสู่คน และยังไม่มีวิธีการรักษาในคน และสัตว์ป่วยที่แสดงอาการแล้ว นอกจากนี้ในประเทศไทยก็ยังถือเป็นเขตที่ระบาดของโรคนี้ ซึ่งยังคงพบสัตว์เลี้ยง และคนที่เสียชีวิตด้วยโรคนี้ทุกปีอีกด้วย
วัคซีนรวม 5 โรค
ในสุนัขถือว่าเป็นวัคซีนหลักไม่แตกต่างจากวัคซีนพิษสุนัขบ้า ภายในวัคซีนรวมนั้นมีการป้องกันโรคดังนี้
- โรคไข้หัดสุนัข (Canine distemper virus)
- โรคลำไส้อักเสบ (Canine parvovirus)
- โรคหวัด และหลอดลมอักเสบติดต่อ (Kennel cough)
- โรคตับอักเสบติดต่อ จากเชื้ออะดีโนไวรัส (Adenovirus type 1)
- โรคฉี่หนู (Leptospirosis)
ซึ่งทุกโรคที่ในวัคซีนนี้ ล้วนเป็นโรครุนแรงที่อันตรายมาก และสามารถทำให้สุนัขเสียชีวิตได้ ซึ่งวัคซีนรวม 5โรคนี้ จะต้องมีการฉีด 2 – 4 เข็มในปีแรก (ขึ้นกับอายุที่เริ่มวัคซีน และความเสี่ยงรับเชื้อ) และกระตุ้นซ้ำปีละ 1 ครั้งเช่นเดียวกับวัคซีนพิษสุนัขบ้า
วัคซีนรวม 6 โรค
สำหรับวัคซีนชนิดนี้ เกิดจากการรวมกันของวัคซีนพิษสุนัขบ้า และวัคซีนรวม 5 โรคนั่นเอง วัตถุประสงค์เพื่อความสะดวกในการฉีดวัคซีน ไม่ต้องแยกฉีด 2 ตำแหน่ง เหมาะกับในกรณีของสุนัขที่ดุ จับบังคับยาก และสุนัขทั่ว ๆ ไปที่ใช้เพื่อกระตุ้นวัคซีนประจำปีนั่นเอง
วัคซีนหวัด และหลอดลมอักเสบติดต่อ เป็นวัคซีนทางเลือก
ซึ่งเชื้อในวัคซีนอาจมีทั้งเชื้อไวรัส และแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรค kennel cough (หวัดหลอดลมอักเสบติดต่อ) แต่ในวัคซีนบางยี่ห้อก็อาจจะใส่เฉพาะเชื้อแบคทีเรียก็ได้ เช่น Bordetella bronchiseptica vaccine เป็นต้น ในอดีตมักทำในรูปแบบหยอดจมูก แต่ปัจจุบันมีบางยี่ห้อที่ทำในรูปแบบกิน เพื่อสะดวกในการให้วัคซีน
วัคซีนลูกสุนัข (Puppy vaccine)
วัคซีนในกลุ่มนี้ไม่จัดเป็นวัคซีนหลัก และวัคซีนทางเลือก แต่เป็นวัคซีนที่ทำขึ้นมาเพื่อลูกสุนัขบางตัวที่มีความจำเป็นต้องได้รับวัคซีนในช่วงอายุที่ยังไม่แนะนำให้ทำวัคซีนรวม 5 โรค ซึ่งวัคซีนลูกสุนัขนี้จะมีการป้องกันโรคไข้หัดสุนัข (Canine distemper virus) โรคลำไส้อักเสบ (Canine parvovirus) เพียง 2 โรค และสามารถเริ่มวัคซีนได้ที่อายุ 6 สัปดาห์
โปรแกรมวัคซีนสำหรับสุนัขในแต่ละช่วงอายุ
การเริ่มวัคซีนในลูกสุนัข ควรเริ่มตั้งแต่อายุ 8 สัปดาห์ และควรฉีดวัคซีนเข็มสุดท้ายของปีแรกที่อายุมากกว่าหรือเท่ากับ 16 สัปดาห์ เพราะในช่วงอายุดังกว่าวพบว่า ลูกสุนัขจะมีภูมิคุ้มกันจากแม่เหลือน้อยมาก ๆ ซึ่งไม่รบกวนการสร้างภูมิจากวัคซีน
สำหรับโปรแกรมวัคซีนในสุนัขแต่ละช่วงอายุที่นิยมฉีดในประเทศไทย ตามชนิดวัคซีนหลักที่กล่าวถึงข้างต้น มีดังนี้
วัคซีนทางเลือกและวัคซีนแนะนำทำในกลุ่มเสี่ยง
วัคซีนโรคหวัด และหลอดลมอักเสบ*1
เป็นวัคซีนทางเลือก ถ้าต้องการทำแนะนำแบบหยอดจมูกที่มีเชื้อ Canine Parainfluenza Virus, Adenovirus type 2 และ Bordetella bronchiseptica (แบคทีเรีย) หรือในปัจจุบันมีแบบกิน ซึ่งโปรแกรมวัคซีนชนิดนี้ อาจมีความแตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อค่ะ
วัคซีนโรคหัดสุนัข และลำไส้อักเสบ*2
หรือ Puppy DP แนะนำทำในกลุ่มเสี่ยง เช่นลูกของสุนัข แม่สุนัขที่ขาดวัคซีนไปนานหรือลูกสุนัขที่ต้องย้ายบ้าน
**สำหรับการกระตุ้นวัคซีนรวม 5 โรค และพิษสุนัขบ้าที่อายุ 12 สัปดาห์ รวมถึงการฉีดวัคซีนประจำปี อาจปรับเป็นวัคซีน 6 โรคได้ ตามดุลยพินิจของคุณหมอแต่ละท่าน
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเริ่มต้นดูแลสุขภาพสุนัขอย่างถูกต้องตั้งแต่แรกเริ่ม โดยรับวัคซีนให้ครบถ้วน และถูกต้องเหมาะสมตามช่วงอายุ จะทำให้สุนัขทุกตัวมีสุขภาพแข็งแรง และมีอายุยืนนาน เพื่อสร้างความสุขให้กับพวกเราเหล่าแม่ ๆ ไปได้อีกนานนะคะ