โรคมะเร็งในสุนัข เป็นโรคที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในสุนัขสูงวัยช่วงอายุ 10-15 ปี แต่อาจพบได้เร็วกว่านี้ได้เช่นกันหากมีปัจจัยเสี่ยง แต่หากตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้พวกเค้าหายจากโรคมะเร็งได้มากยิ่งขึ้น
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อย่างเราจึงควรหมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และพฤติกรรมของน้องหมาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถสังเกตอาการเบื้องต้นที่อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งได้ทันเวลา
10 สัญญาณเตือนเมื่อน้องหมาเป็นมะเร็ง
หากสังเกตเห็นอาการดังต่อไปนี้ในน้องหมาของเรา คุณพ่อคุณแม่ควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์โดยเร็ว
- น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว
หากน้องหมามีน้ำหนักที่ลดลงอย่างผิดปกติ แม้ยังคงกินอาหารได้ตามปกติหรือมีอาการเบื่ออาหารร่วมด้วย นี่อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร เช่น มะเร็งในช่องปาก, มะเร็งกระเพาะอาหาร, มะเร็งลำไส้, หรือมะเร็งตับ
- อาเจียนหรือท้องเสียเรื้อรัง
การอาเจียนหรือท้องเสียที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีน้ำหนักลดลงร่วมด้วย ควรระวังมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร
- กลืนอาหารลำบาก
น้องหมาที่กินอาหารได้น้อยลงและดูเหมือนเจ็บปวดเวลากลืนหรือมีน้ำลายไหลผิดปกติ ควรได้รับการตรวจดูช่องปากและลำคออย่างละเอียด เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งบริเวณลำคอหรือคอหอยได้
- พฤติกรรมการขับถ่ายเปลี่ยนไป
หากน้องหมาเริ่มมีปัญหาในการปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะผิดที่ ปัสสาวะบ่อย หรือมีเลือดปนออกมาในปัสสาวะหรือเบ่งอุจจาระนานผิดปกติ อาการเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับมะเร็งกระเพาะปัสสาวะหรือมะเร็งไตได้
- มีก้อนเนื้อที่โตขึ้นผิดปกติและแผลที่หายช้า
หากพบก้อนเนื้อที่โตขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ยุบหายไปหรือมีแผลที่หายช้ากว่าปกติ มีลักษณะบวม แดง หรือมีกลิ่นเหม็น อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งผิวหนังหรือเนื้องอกใต้ผิวหนังได้ โดยเฉพาะเมื่อมะเร็งไปรบกวนระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้แผลหายได้ช้าลง
- เลือดออกผิดปกติ
awมะเร็งบางชนิดสามารถไปรบกวนหรือทำลายหลอดเลือด จนทำให้เกิดเลือดออกจากจมูก ปาก หู อวัยวะเพศ หรือมีเลือดปนในอุจจาระและปัสสาวะได้
- มีกลิ่นเหม็นจากปาก หู หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
น้องหมาที่เป็นมะเร็งมักจะมีกลิ่นเหม็นเฉพาะตัว เช่น กลิ่นปากเหม็นรุนแรง ร่วมกับการมีแผลในปากหรือฟันหลุดร่วงง่าย ซึ่งอาจเกิดจากมะเร็งในช่องปาก
- หายใจลำบากหรือมีอาการไอบ่อย
หากน้องหมามีอาการไอต่อเนื่องนานเกิน 2-3 วัน หรือเริ่มมีอาการหายใจติดขัด หอบ หรือเหนื่อยง่าย อาจเป็นสัญญาณของก้อนเนื้อในปอดหรือช่องอกที่กดทับทางเดินหายใจ ทำให้น้องหมาหายใจไม่สะดวก เช่น มะเร็งปอด, มะเร็งต่อมน้ำเหลือง, หรือมะเร็งหลอดเลือด
- เดินกะเผลก เดินเซ หรือเจ็บกระดูก
เนื้องอกในกระดูกหรือระบบประสาท อาจทำให้น้องหมาเดินผิดปกติ ไม่ยอมลงน้ำหนักขา หรือร้องครวญครางเมื่อขยับตัว
- อ่อนแรง เหนื่อยง่าย
หากน้องหมามีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น ซึม ไม่ร่าเริง ไม่อยากเล่นหรือนอนนานผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติภายในร่างกายที่เกิดจากมะเร็งได้เช่นกัน
การตรวจวินิจฉัยและการรักษา
หากคุณพ่อ คุณแม่สังเกตเห็นน้องหมามีอาการต่าง ๆ ที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเกิดขึ้นแค่อาการเดียวหรือเกิดพร้อมกันหลายอาการ ควรรีบพาพวกเค้าไปพบสัตวแพทย์ทันทีเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด โดยการวินิจฉัยอาจทำได้หลายวิธี
- การเจาะชิ้นเนื้อ (Fine-Needle Aspiration – FNA) – โดยใช้เข็มเล็ก ๆ ดูดตัวอย่างเซลล์จากก้อนเนื้อไปตรวจใต้กล้องจุลทรรศน์
- การตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy) – เพื่อนำไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ
- การตรวจเลือด – เพื่อประเมินสุขภาพโดยรวมและหาความผิดปกติที่อาจเกี่ยวข้องกับมะเร็ง
- การถ่ายภาพวินิจฉัย – เช่น การเอกซเรย์ (X-ray) ช่องอกหรือช่องท้อง การอัลตราซาวด์ (Ultrasound) ช่องท้อง หรือการทำ CT scan เพื่อประเมินการแพร่กระจายของมะเร็ง
แนวทางการรักษาน้องหมาเป็นมะเร็ง
การรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค และสุขภาพโดยรวมของน้องหมา โดยวิธีการรักษาที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่
- การผ่าตัด : เพื่อกำจัดก้อนเนื้อร้ายที่มองเห็นได้ มักใช้กับมะเร็งที่ยังไม่แพร่กระจายมาก
- การทำเคมีบำบัด : ใช้ยาเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่อาจกระจายไปทั่วร่างกาย สามารถให้ทางหลอดเลือดดำหรือรับประทาน
- การฉายแสง : ใช้รังสีพลังงานสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งเฉพาะจุด
- การใช้ยาเฉพาะทาง : ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะต่อเซลล์มะเร็งบางชนิด
ซึ่งสัตวแพทย์จะเป็นผู้ประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับน้องหมาของเรา
วิธีการป้องกันไม่ให้น้องหมาเป็นมะเร็ง
เนื่องจากมะเร็งเป็นโรคที่ซับซ้อนและมีสาเหตุการเกิดโรคอยู่หลายปัจจัย การป้องกันโดยตรงจึงอาจทำได้ยาก อย่างไรก็ตาม คุณพ่อ คุณแม่สามารถลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ ได้ด้วยการ
- พาไปตรวจสุขภาพประจำปี: โดยเฉพาะน้องหมาที่เริ่มมีอายุมากขึ้น การตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้สัตวแพทย์สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
- หมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลง: ตรวจสอบร่างกายและพฤติกรรมของน้องหมาอย่างสม่ำเสมอ หากพบอาการผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อย ควรรีบพาพวกเค้าไปพบสัตวแพทย์ทันที
- ดูแลโภชนาการและน้ำหนัก: ให้อาหารที่มีคุณภาพและรักษาน้ำหนักตัวของน้องหมาให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและสุขภาพโดยรวม
- หลีกเลี่ยงสารเคมีอันตราย: ลดการสัมผัสสารเคมีในสิ่งแวดล้อมที่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยง
โรคมะเร็งในสุนัขอาจฟังดูน่ากลัว แต่หากเรารู้เร็ว ก็ย่อมรักษาได้ การใส่ใจและหมั่นสังเกตอาการของพวกเค้าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ลูกรักของเรามีคุณภาพชีวิตที่ดีและอยู่กับเราไปได้อีกนาน ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.petmd.com/dog/conditions/signs-of-cancer-in-dogs
https://sashvets.com/pet-advice/10-early-warning-signs-of-cancer-in-dogs/