เปลี่ยนอาหารสุนัขโตอย่างไรให้ปลอดภัย

การเปลี่ยนอาหารสุนัขหรือเปลี่ยนสูตรอาหารให้สุนัข อาจเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนกังวลใจ เพราะกลัวว่าน้องหมาจะไม่ยอมกินอาหารใหม่หรืออาจมีอาการท้องเสีย แต่ไม่ต้องกังวลไป การเปลี่ยนอาหารสุนัขอย่างถูกวิธี จะช่วยให้น้องหมาได้รับสารอาหารที่เหมาะสม และมีสุขภาพที่ดีได้ อีกทั้งยังช่วยให้พวกเค้าได้รับอาหารที่ถูกใจมากขึ้นด้วยนั่นเอง ในบทความนี้ เราจะพาคุณพ่อคุณแม่มาไขข้อข้องใจ และให้คำแนะนำในการเปลี่ยนสูตรอาหารสำหรับสุนัขโตกัน 

ทำไมต้องเปลี่ยนอาหารสุนัข?

เมื่อน้องหมาเริ่มเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัย ความต้องการทางโภชนาการก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย พวกเค้าไม่จำเป็นต้องได้รับสารอาหารมากมายเพื่อการเจริญเติบโตเหมือนตอนเป็นลูกสุนัขอีกต่อไป แต่จะต้องการสารอาหารที่ช่วยรักษาสุขภาพในระยะยาว เช่น การบำรุงข้อต่อ กล้ามเนื้อ รวมถึงอีกหลายสาเหตุที่น้องหมาควรเปลี่ยนสูตรอาหาร ดังนี้

1. น้องหมาเบื่ออาหาร 

เพราะอาหารเดิม ๆ อาจทำให้พวกเค้าเบื่อได้ การเปลี่ยนสูตรอาหารจะช่วยกระตุ้นให้น้องหมาอยากกินอาหารมากขึ้น

2. ปัญหาสุขภาพ

บางครั้งสุนัขอาจมีปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคอ้วน หรือโรคไต ซึ่งจำเป็นต้องเปลี่ยนสูตรอาหารเพื่อให้เหมาะสมกับสุขภาพพวกเค้า

3. ความต้องการทางโภชนาการเปลี่ยนแปลง 

เป็นที่แน่นอนเมื่อพวกเค้ามีอายุมากขึ้น ความต้องการทางโภชนาการก็จะเปลี่ยนไปจากตอนที่เป็นลูกสุนัข อาหารสำหรับสุนัขโตจะมีปริมาณโปรตีน และไขมันที่เหมาะสมกับการบำรุงรักษาสุขภาพโดยรวม

วิธีการเปลี่ยนอาหารสุนัขโต

การเปลี่ยนอาหารให้น้องหมาเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้เขาได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน และเหมาะสม แต่การเปลี่ยนอาหารกะทันหันอาจทำให้น้องหมาท้องเสียได้ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องเปลี่ยนอาหารทีละน้อย เพื่อให้ระบบย่อยอาหารของน้องหมาได้ปรับตัว

และเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ลองนึกภาพชามอาหารของน้องหมาแบ่งออกเป็น 4 ส่วนเท่า ๆ กัน เหมือนแบ่งพิซซ่าชิ้นเล็ก ๆ เมื่อเราเริ่มใส่ส่วนผสมของอาหารใหม่ลงไปในชาม วันนั้นถือเป็นวันที่ 1 ที่เราเริ่มเปลี่ยนอาหารให้น้องหมานั่นเอง

โดยเราจะทำการผสมดังนี้

วันที่ 1 : อาหารใหม่ 25%  (1/4 ส่วน) อาหารเดิม 75% (3/4 ส่วน)

วันที่ 2 : ทำซ้ำเหมือนวันที่ 1

วันที่ 3 : อาหารใหม่ 50% (2/4 ส่วน) อาหารเดิม 50% (2/4 ส่วน) หรืออย่างละครึ่งชาม

วันที่ 4 : ทำซ้ำเหมือนวันที่ 3

วันที่ 5 : อาหารใหม่ 75% (3/4 ส่วน) อาหารเดิม 25% ( 1/4 ส่วน)

วันที่ 6 : ทำซ้ำเหมือนวันที่ 5

วันที่ 7 เป็นต้นไป : สามารถให้อาหารใหม่ได้ 100% (ให้อาหารใหม่เต็มชามโดยไม่ต้องผสมอาหารเดิมแล้ว)

การเตรียมอาหารให้สุนัขตามสูตรที่กำหนดไว้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ประหยัดเวลามากขึ้น เพียงแค่ผสมส่วนผสมต่าง ๆ ตามสัดส่วนที่ระบุไว้ ก็สามารถตักแบ่งให้น้องกินได้เลยหรือหากต้องการความแม่นยำในการควบคุมปริมาณอาหาร ก็สามารถชั่งน้ำหนักอาหารแต่ละชนิดตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้ได้เช่นกัน

ที่สำคัญอย่าลืมดูปริมาณอาหารที่เหมาะสมต่อวันตามที่ระบุไว้ข้างหลังซองอาหารด้วย เพราะปริมาณอาหารจะแตกต่างกันไปตามน้ำหนักตัว และสายพันธุ์ของน้องหมา ถ้าบ้านไหนแบ่งอาหารให้น้องกินหลายมื้อ ก็ให้นำปริมาณอาหารต่อวันมาหารด้วยจำนวนมื้อที่ให้น้องกินต่อวัน ก็จะได้ปริมาณอาหารที่ควรให้น้องกินในแต่ละมื้อ

การเปลี่ยนอาหารสุนัขโต ต้องระวังอะไรบ้าง?

การเปลี่ยนอาหารสุนัข เป็นเรื่องปกติที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำ แต่การเปลี่ยนอาหารเร็วเกินไปอาจทำให้น้องหมามีอาการไม่สบายทางเดินอาหาร เช่น อาเจียน ท้องเสียหรือเบื่ออาหารได้ เนื่องจากระบบย่อยอาหารของสุนัขยังปรับตัวไม่ทัน

1.1 สาเหตุที่ทำให้สุนัขมีอาการไม่สบายหลังเปลี่ยนอาหาร

• อาการแพ้อาหาร : สุนัขอาจแพ้โปรตีนบางชนิด เช่น ไก่ เนื้อวัว หรือส่วนผสมอื่นๆ ในอาหาร ทำให้เกิดอาการคัน เกาตามตัว อักเสบที่ผิวหนังหรือมีปัญหาทางเดินอาหาร
• การเปลี่ยนอาหารเร็วเกินไป : การเปลี่ยนอาหารอย่างกะทันหัน อาจทำให้ระบบย่อยอาหารของสุนัขปรับตัวไม่ทัน จนเกิดอาการท้องเสีย ท้องอืดหรือเบื่ออาหาร
• ภาวะความผิดปกติอื่น ๆ : อาการไม่สบายอาจเกิดจากโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร เช่น การติดเชื้อ หรือภาวะขาดสารอาหาร

ดังนั้นการเลือกอาหารที่เหมาะสมกับอายุ สายพันธุ์ และสภาพร่างกายของสุนัข ควรอ่านฉลากอาหารให้ละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าอาหารมีสารอาหารครบถ้วน เหมาะสม และพอดีกับพวกเค้า

1.2 สังเกตอาการของสุนัขหลังเปลี่ยนอาหาร

คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการของน้องหมาหลังเปลี่ยนสูตรอาหารได้ โดยแบ่งออกได้เป็น

• อาการทางเดินอาหาร : อาเจียน ท้องเสีย ท้องอืด เบื่ออาหาร
• อาการทางผิวหนัง : คัน เกาตามตัว ผิวหนังแดง อักเสบ
• อาการอื่น ๆ : ซึม เฉื่อย ขาดน้ำหนัก

หากพบว่าน้องหมามีอาการผิดปกติดังกล่าว ควรพาน้องไปปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการ และให้คำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสม

การเปลี่ยนอาหารสุนัขให้อร่อยถูกใจ และปลอดภัย ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่เราใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ สักนิด โดยเริ่มจากการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสูตรอาหารใหม่ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าเหมาะสมกับน้องหมาของเราหรือไม่ โดยพิจารณาจาก อายุ สายพันธุ์ และสภาวะสุขภาพเฉพาะตัว เช่น สุนัขหลังทำหมัน สุนัขที่ออกกำลังกายหนัก สุนัขแพ้อาหารหรือแม้แต่คุณแม่สุนัขที่กำลังให้นม 

เมื่อเลือกสูตรอาหารได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการ ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยน โดยผสมอาหารใหม่เข้ากับอาหารเดิมทีละน้อย ใช้เวลาประมาณ 7 วัน ในการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ระหว่างนี้ อย่าลืมสังเกตอาการของสุนัขอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องการยอมรับอาหาร การขับถ่าย และอาการผิดปกติอื่น ๆ หากพบว่าสุนัขมีอาการไม่ดี ควรหยุดให้อาหารชนิดใหม่ และปรึกษาสัตวแพทย์ทันที

เพียงเท่านี้ เราก็สามารถมั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนอาหารสุนัขครั้งนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่น และสุนัขของเราก็จะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน สมบูรณ์ และเหมาะสมกับความต้องการของร่างกายมากที่สุด

และสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาอาหารสูตรใหม่ที่เหมาะกับพวกเค้าไม่ว่าจะเป็นสูตรสำหรับน้องหมาแพ้ง่ายหรือที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ขอแนะนำ Pawdy อาหารสุนัขที่ดีพอ และพอดีต่อลูกคุณ เพราะใช้วัตถุดิบคุณภาพ ใช้เนื้อสัตว์เป็นส่วนผสมอันดับ 1 มั่นใจได้เลยว่าลูกรักของเราจะได้รับสารอาหารที่ครบองค์รวมได้อย่างแน่นอน สนใจสั่งซื้อได้ ที่นี่ เลยย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

PDSA. (n.d.). Your dog’s diet. People’s Dispensary for Sick Animals. https://www.pdsa.org.uk/pet-help-and-advice/looking-after-your-pet/puppies-dogs/your-dogs-diet

American Kennel Club. (n.d.). The right way to switch your dog’s food. https://www.akc.org/expert-advice/nutrition/right-way-switch-dog-foods/