จาก “วันแรก” … ถึง “วัยเก๋า”

ทุกก้าวเล็ก ๆ ที่น้องหมาเติบโตขึ้น ล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม น้ำตา และความทรงจำที่มีค่าที่สุดสำหรับเรา

บางครั้ง..แค่หันกลับไปมองภาพวันแรก เราก็อดยิ้มไม่ได้ ที่น้องหมาตัวเล็ก ๆ วันนั้น กลายเป็นครอบครัวที่แสนดีกับเราจนถึงวันนี้

ขอบคุณ 15 เรื่องราวที่ทุกบ้านได้ร่วมแชร์กับ Pawdy ทำให้เราได้เห็นว่า การมีน้องหมาอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้…คือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหัวใจ

ประกาศรายชื่อ 15 บ้าน ที่จะได้อยู่บนวิดิโอโฆษณาของพอดี้

1.(นู๋กะทิ) ลูกสาวคนสวยของแม่ อายุ 3 ปี 4 เดือนแล้วนะ

จากวันแรก…ถึงวันนี้
ก่อนหน้านี้…ชีวิตแม่เงียบเหงา เหมือนบ้านที่ไฟดับกลางดึก ทั้งมืด ทั้งหนาว ทั้งไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องตื่นมาเพื่ออะไรช่วงนั้นโควิดกำลังระบาด โลกทั้งใบสั่นสะเทือน และแม่…ก็สูญเสียคนในครอบครัวไปแบบไม่มีวันได้เจอกันอีก

แล้ววันหนึ่งแม่ก็เจอเธอ — เจ้าหมาน้อยที่ชื่อ “กะทิ” ไม่รู้เพราะอะไร ตอนที่แม่เห็นแววตาสดใสของลูกครั้งแรก หัวใจที่ด้านชาไปนาน…กลับรู้สึกอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง

ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตแม่มีใครบางคนให้กลับบ้านไปหา มีเสียงฝีเท้าเล็ก ๆวิ่งมาต้อนรับทุกเย็น มีดวงตาคู่เดิมที่มองแม่เหมือนเธอเข้าใจทุกอย่าง แม้จะพูดไม่ได้ กะทิไม่เคยเป็นแค่สัตว์เลี้ยง แต่เป็น “สมาชิกในครอบครัว” ที่มาช่วยต่อเติมส่วนที่ขาดในใจแม่

หนูเฟรนลี่ น่ารัก ชอบเข้าสังคม และมีนิสัยที่ “ใหญ่ใจดี”เหมือนสื่อสารว่าโลกนี้ยังอบอุ่นอยู่ ถ้าเรามีใครบางคนให้รัก ทุกวันที่กะทินั่งรอแม่กลับบ้าน…แม่ก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป

แม่สัญญาว่าจะพาไปเที่ยวในทุกที่ที่ไป จะดูแลหนูเหมือนที่หนูเคยดูแลหัวใจแม่จะเก็บภาพความสุขในทุกวันไว้ให้ลูกเสมอ เพราะตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน…เราก็กลายเป็นโลกทั้งใบของกันและกันไปแล้ว

(รักนู๋กะทิ ที่สุดเลยลูก)

2.น้องลัคกี้ (สุวัณณะตา ยอดผักแว่น)

จากวันแรก…ถึงวันนี้
ป๋มชื่อลัคกี้คับ หมาพันธุ์ทางที่ได้เจอ “บ้าน” จากตลาดนัด ตอนเด็ก ป๋มอยู่ท้ายรถกระบะกับพี่น้องรวม 11 ตัว ใคร ๆ ก็มองผ่าน…

เพราะป๋มไม่ใช่พันธุ์นอก ไม่ใช่หมาแบรนด์

แล้ววันนั้น…วันธรรมดาวันหนึ่ง ก็กลายเป็น “วันพิเศษ” ของป๋มป๋มน้ำลายฟูมปากเพราะร้อนจัด แม่คับเดินผ่านมาเห็น แล้วหยิบขวดน้ำขึ้นมาค่อยๆ รินให้ป๋มจิบ เช็ดตัว เปิดพัดลม แล้วกอดป๋มไว้

แม่คับไม่ได้พาป๋มไปใส่กรงเหมือนหมาตัวอื่นที่รอคนรับเลี้ยง แต่แม่คับพาป๋มกลับบ้านเลย…ในวันนั้น นั่นแหละ…วันเกิดของป๋ม — 13 พฤษภาคม 2566

ปีถัดมา ป๋มได้สมัครเข้าประกวด Thonglor Brand Ambassadorและหมาพันธุ์ทางตัวนี้…กลายเป็นตัวเดียวที่ได้เข้ารอบชิง แม้จะไม่ได้รางวัลกลับบ้าน แต่ป๋มรู้ว่า…หัวใจแม่คับพ่อคับชนะไปแล้ว เพราะ “ความภูมิใจ” เต็มตา

ป๋มได้ใส่ผ้าไทย เดินแฟชั่นในงาน Khonkaen Pet Expo 2025 ได้ไปเที่ยวประเทศลาวกับพ่อคับแม่คับ ป๋มไม่เคยนึกฝันว่าชีวิตหมาตลาดนัด จะได้ไปไกลถึงขนาดนี้สองปีผ่านไปเร็วเหมือนโกหก แต่ทุกวันมีแต่ความสุข ความผูกพัน และรอยยิ้มที่ไม่เคยธรรมดา

ขอบคุณที่แม่คับเลือก “ลัคกี้” วันนั้น และขอบคุณที่แม่คับยังพาลัคกี้ไปตลาดนัดด้วยกันทุกครั้ง ไม่รู้ว่าใครติดใครกันแน่ แต่รู้แค่ว่า…เราติดกันไปตลอดชีวิต

3.น้องไคจู (GUboat Gogolf)

จากวันแรก…ถึงวันนี้
ป๋มชื่อลัคกี้คับ หมาพันธุ์ทางที่ได้เจอ “บ้าน” จากตลาดนัด ตอนเด็ก ป๋มอยู่ท้ายรถกระบะกับพี่น้องรวม 11 ตัว ใคร ๆ ก็มองผ่าน…

เพราะป๋มไม่ใช่พันธุ์นอก ไม่ใช่หมาแบรนด์

แล้ววันนั้น…วันธรรมดาวันหนึ่ง ก็กลายเป็น “วันพิเศษ” ของป๋มป๋มน้ำลายฟูมปากเพราะร้อนจัด แม่คับเดินผ่านมาเห็น แล้วหยิบขวดน้ำขึ้นมาค่อยๆ รินให้ป๋มจิบ เช็ดตัว เปิดพัดลม แล้วกอดป๋มไว้

แม่คับไม่ได้พาป๋มไปใส่กรงเหมือนหมาตัวอื่นที่รอคนรับเลี้ยง แต่แม่คับพาป๋มกลับบ้านเลย…ในวันนั้น นั่นแหละ…วันเกิดของป๋ม — 13 พฤษภาคม 2566

ปีถัดมา ป๋มได้สมัครเข้าประกวด Thonglor Brand Ambassadorและหมาพันธุ์ทางตัวนี้…กลายเป็นตัวเดียวที่ได้เข้ารอบชิง แม้จะไม่ได้รางวัลกลับบ้าน แต่ป๋มรู้ว่า…หัวใจแม่คับพ่อคับชนะไปแล้ว เพราะ “ความภูมิใจ” เต็มตา

ป๋มได้ใส่ผ้าไทย เดินแฟชั่นในงาน Khonkaen Pet Expo 2025 ได้ไปเที่ยวประเทศลาวกับพ่อคับแม่คับ ป๋มไม่เคยนึกฝันว่าชีวิตหมาตลาดนัด จะได้ไปไกลถึงขนาดนี้สองปีผ่านไปเร็วเหมือนโกหก แต่ทุกวันมีแต่ความสุข ความผูกพัน และรอยยิ้มที่ไม่เคยธรรมดา

ขอบคุณที่แม่คับเลือก “ลัคกี้” วันนั้น และขอบคุณที่แม่คับยังพาลัคกี้ไปตลาดนัดด้วยกันทุกครั้ง ไม่รู้ว่าใครติดใครกันแน่ แต่รู้แค่ว่า…เราติดกันไปตลอดชีวิต

4.น้องเบคอน (Toey Hrwk)

จากวันแรก…ถึงวันนี้
5 ปีก่อน โลกทั้งใบเงียบเหงาเพราะโควิด…และหัวใจของมี๊ก็เงียบเหงาไม่แพ้กัน งานที่เคยมั่นคงถูกลดเงินเดือน ความรักที่เคยเชื่อใจพังไม่เป็นท่า

ชีวิตเหมือนกำลังลอยอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่า ไม่รู้จะเดินไปทางไหนจนก่อนวันเกิดมี๊แค่ 2 วัน มี๊ได้เจอลูกหมาตัวเล็ก ๆ ตัวสุดท้ายในคอก
ไม่มีใครเลือก ไม่มีใครรับกลับบ้านตอนนั้นมี๊ก็ลังเล เพราะตัวเองยังไม่มั่นคงอะไรเลยแต่พอเห็นแววตาของลูกหมาตัวนั้น…เหมือนหัวใจสะดุด เหมือนกำลังถูกเรียกโดยใครสักคนที่เข้าใจความเงียบในใจ นั่นแหละ “เบคอน”

วันนั้นเราอาจไม่รู้ตัว แต่จริง ๆ แล้ว…เราทั้งคู่ต่าง“ต้องการใครสักคน” พอดี จากวันนั้นถึงวันนี้ 5 ปีผ่านไป เบคอนไม่ใช่แค่หมา แต่กลายเป็น “ลูกชายตัวแสบ” ที่มี๊รักที่สุดในโลก

ลูกคือเหตุผลที่ทำให้มี๊ลุกไปทำงานในทุกเช้า ลูกคือพลังใจที่ช่วยให้ผ่านเรื่องราวแย่ ๆ
ถึงค่าขนม เสื้อผ้า ของเล่น อาบน้ำ หรือค่าตัดขน จะรวมกันเกินบัตรเครดิตไปหลายรอบ

แต่มี๊ก็เต็มใจ…เพราะลูกคือสิ่งที่มีค่าที่สุด ขอบคุณที่เกิดมาให้เราได้เจอกันนะ เบคอน
ขอบคุณที่เปลี่ยน “วันเกิดธรรมดา” ของมี๊ ให้กลายเป็น “วันเริ่มต้นของครอบครัว” ของเรา

5.น้องแดซอง (Jejee Bunnag)

จากวันแรก…ถึงวันนี้
เวลากว่า 11 ปีผ่านไป แม่ยังจำได้แม่นเลย ว่าวันที่ “แดซอง” เข้ามาในชีวิต ไม่ได้แค่เปลี่ยนบ้าน…แต่เปลี่ยนทั้งหัวใจของแม่

ลูกหมาตัวจิ๋ววัยแค่เดือนเดียว ที่แม่ตั้งชื่อว่าแดซอง แม่อุ้มแนบอก ป้อนนมทีละหยด ลูบหลังเบา ๆ จนลูกหลับคาอกในวันแรก

จากวันนั้น ลูกก็นอนกอดตุ๊กตาเคียงข้างแม่ทุกคืน เติบโตเป็นลาบราดอร์ใจดีที่ไม่เคยปล่อยให้แม่เหงาอีกเลย

วันนี้ ลูกอาจไม่ซนเหมือนเคย วิ่งไม่เร็วเหมือนก่อนแต่แววตาคู่นั้นก็ยังอบอุ่นเหมือนเดิม แสงนุ่ม ๆ ที่คอยฮีลใจแม่เสมอ

แดซองไม่ใช่แค่หมา แต่เป็นเพื่อนที่วิ่งตามแม่ไปได้ทุกที่ จากคาเฟ่ริมทาง…จนถึงลมทะเลที่ปลายฟ้า

เป็นรอยยิ้มในวันที่แม่เหนื่อย เป็นเพื่อนใจดีที่ไม่เคยห่าง เป็น “ความสุข” ที่มีเสียงเล็บก๊อกแก๊กวิ่งตามมาเสมอ

11 ปีที่ผ่านมา โลกของแม่มีเสียงหัวเราะเล็ก ๆ ทุกวัน แม่ไม่รู้หรอกว่าเราจะได้กอดกันไปอีกนานแค่ไหน

แต่แม่รู้ว่า…ทุกวันที่มีแดซองอยู่ด้วยกัน คือของขวัญที่มีค่าที่สุด

อยู่กับแม่นาน ๆ นะลูกชายหัวใจละมุน เพราะความสุขของแม่…มักมีรอยเท้าของลูกอยู่เสมอ

6.น้องมอนโด้ (มอนโด้ ลูกแม่ดา โกลเด้น)

จากวันแรก…ถึงวันนี้

บ้านเรามีหมาอยู่แล้ว 6 ตัว ซึ่งตอนนั้นก็คิดว่า…พอแล้ว จนวันหนึ่ง น้องคนรู้จักขอให้ช่วยหาบ้านให้ลูกโกลเด้นวัย 3 เดือน

แม่ดารับเลี้ยงชั่วคราวเป็น 21 วันที่แสนเหนื่อย น้องชอบลุยฝน ชอบวิ่งเล่น ชอบซน
และวันที่ต้องส่งตัว ก็ใจหายอยู่ไม่น้อย

เวลาผ่านไปไม่นาน แม่เดิมของน้อง (คนที่ช่วยไม่ให้โกลเด้นตัวแรกโดนปล่อยวัด)
ทักมาพร้อมชื่อใหม่ “มอนโด้”

เธอบอกว่า ถ้าแม่ดาไม่รับ…จะไม่ให้ใครอีก เพราะอยากให้อยู่กับบ้านที่อบอุ่น แม่ดาหารือกับลูกสาว ก่อนตัดสินใจไปรับน้องที่หัวหิน
วันแรกที่เจอกัน มอนโด้วัย 4 เดือน หนัก 15 กิโล วิ่งมาหา…แล้วยกขาฉี่ใส่ ขำไม่ออกก็ขำออก เพราะนั่นคือสไตล์ของเขาจริง ๆ

พอพากลับบ้านที่เพชรบุรี มอนโด้เจอกับพี่หมา 6 ตัว เดินดมอย่างสุภาพ ก่อนจะนั่งหลบอยู่มุมหน้าบ้านคนเดียว

แม่ดายังจำได้ดี…วิ่งไปเก็บอึในสนาม พร้อม ๆ กับที่มอนโด้วิ่งสวนมาทางเดียวกัน ได้เก็บอึทันเวลา แต่ตาเขียวไปข้างหนึ่ง
ก็เป็นของแถมที่ไม่คาดคิด

มอนโด้ยิ่งโต ยิ่งตัวใหญ่ และแม่ดาเองก็เข้าสู่วัยที่ต้องเริ่มถนอมเข่า จึงตัดสินใจพาเขาไปฝึกควบคุมทุกเสาร์–อาทิตย์
จากหมาน้อยพลังล้น กลายเป็น “คู่ซ้อม” ของแม่ดา จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่แก๊งโกลเด้นก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น

มอนโด้ได้ไปงานถ่ายแบบ ได้ออกทีวี ได้เป็นแชมป์กระโดดน้ำ 2 สมัย ได้ลงแข่งว่ายน้ำกับเพื่อน ๆ
และแม่ดา…ก็ได้ขยับตัวออกกำลังกายไปพร้อมกัน

พอเข้าสู่วัย 3 ขวบ ตรวจพบว่าเบ้าสะโพกเคลื่อนเล็กน้อย นั่นทำให้ต้องดูแลเขาใกล้ชิดยิ่งขึ้น ทั้งอาหารเสริม การว่ายน้ำ การเดิน และความรัก
มอนโด้ยังคงเป็นนักวิ่งตัวเดิมในวันดี ๆยังว่ายน้ำเก่ง และยังเดินเคียงข้างเราในทุกเช้า

ยิ่งโต…ยิ่งนิ่ง ยิ่งอยู่ด้วยกัน…ยิ่งอบอุ่น ก่อนโควิด แก๊งโกลเด้น 6 ครอบครัว 9 ตัว นัดกันวิ่งมินิมาราธอน ไปเที่ยว ไปหัวเราะ ไปเรียนรู้กัน

ถึงวันนี้ หลายบ้านอาจทยอยจากไป แต่ความรักและมิตรภาพที่มอนโด้นำพา…ยังคงอยู่ เขาไม่ใช่แค่หมาขนทอง เขาคือเหตุผลที่ทำให้ครอบครัวเรา “สมบูรณ์แบบขึ้น”

จากลูกหมาในหัวหิน สู่น้ำหนัก 35 กิโลที่แม่ยิ่งกอด…ยิ่งอุ่น

และแม่ก็ยังอยากกอดแบบนี้ไปนานที่สุดเท่าที่จะทำได้

7.น้องซูโม่ (Patsorn Natt)

จากวันแรก…ถึงวันนี้

พี่ซูโม่ เซนต์เบอร์นาร์ดเพศผู้ ขนาด XXL แต่หัวใจอบอุ่นเหมือนลูกหมาตัวจิ๋ว ได้พี่โม่มาตั้งแต่ยังไม่ครบสองเดือน…ตอนนั้น

คิดว่าจะเลี้ยงหมาตัวใหญ่อีกสักตัว แต่ใครจะรู้ว่า เขาจะกลายเป็น “ลูกชายคนแรก” ที่เราทุ่มเททุกบาททุกสตางค์ ตั้งแต่ค่าอาหาร ค่าอาบน้ำ สปา หมอ ว่ายน้ำ ยันสร้างบ้านอีกหลังให้เขา

วันพาพี่โม่เข้าบ้าน…คนในครอบครัวมองหน้าแล้วส่ายหัว “หมาใหญ่ขนาดนี้ จะเลี้ยงยังไง?” แต่พี่โม่ไม่ใช้คำพูดใด ๆ แค่เดินเข้ามาอ้อนนิด กอดเบา ๆ นิด แล้วก็ตกทั้งบ้านเรียบร้อย ไม่มีใครไม่รัก

น้องไม่เคยโดนตี ไม่เคยโดนดุ ทุกการเห่า กระโดด หรือกินจนจานสะอาด กลายเป็นเรื่องน่าเอ็นดูเสมอ จนพอพี่โม่เริ่มโต…เริ่มดื้อแบบจริงจัง

เสียงเห่าทีเดียวสะเทือนไปสามบ้านแปดบ้าน มีเพื่อนบ้านแอบโยนของเข้ามาให้หยุดเห่า (แต่โชคดีที่ลูกชายไม่กินของคนแปลกหน้า)

เราเลยหาที่เรียนให้น้อง ฝึกคำสั่งพื้นฐาน พาไปว่ายน้ำให้เหนื่อยแล้วหลับ ตอนนี้พี่โม่วัยเก๋าแล้ว 7 ขวบ 8 เดือน หุ่นอาจไม่เหมือนเดิม แต่ยังเห่าฉ่ำ กระโดดรัว ๆ เหมือนเด็กสามขวบไม่มีผิด

บางครั้งเราก็เผลอคิดถึง “วันที่พี่โม่ไม่อยู่” เพราะหมาใหญ่มักมีอายุเฉลี่ยแค่ 7-10 ปี

แต่เราขอหยุดคิดแค่นั้น เพราะตอนนี้…ทุกวันที่ได้อยู่กับพี่โม่ คือวันที่บ้านเรามีรอยยิ้มใหญ่เท่าตัวเขา

รักมากนะพี่โม่ ถึงจะดื้อยังไงก็รักไม่ลด และอยากให้รู้ไว้นะว่า…ไม่ว่าลูกจะอยู่กี่ปี ก็จะเป็น “ความภูมิใจ” และ “หัวใจ” ของเราตลอดไป

 

8.น้องพี่จี๊ด (Pangpond Ymg)

จากวันแรก…ถึงวันนี้

“จิ๋วจี๊ด” คือลูกชายคนแรกของเรา และเป็นหมาตัวแรกที่เรา “ทุบกระปุก” ซื้อมาเลี้ยงแบบใช้เงินเก็บของตัวเอง
ตอนนั้นยังเป็นนักศึกษาที่ยังไม่ค่อยมีเงิน แต่พอได้ยินว่ามี “ชิวาว่าขนยาว” อายุเกือบสองเดือน ขายแค่พันเดียว ก็รีบคว้าโอกาสโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมาชิวาว่าจริง ๆ หน้าตาเป็นยังไง

กล่องลังกระดาษบนห้องกลายเป็นบ้านของพี่จี๊ดแบบลับ ๆ เราแอบเลี้ยงเขาเงียบ ๆ เพราะไม่กล้าบอกที่บ้าน แต่แล้วก็ถูกจับได้…และกลายเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านแบบเต็มตัว

พี่จี๊ดน่ารัก น่าเอ็นดู ติดเราหนักมาก ขับรถก็ไปด้วย ไปเที่ยวก็ไปด้วย กินนอนด้วยกันตลอดจนมีคนเริ่มทักว่า “หมาพันธุ์อะไรเหรอ?”เราก็ตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “ชิวาว่าขนยาวค่ะ!”
แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือสายตางง ๆ และเสียงหัวเราะ

“มือใหญ่เท้าใหญ่ หมาบ้านแน่นอน!” วันเวลาผ่านไป พี่จี๊ดเริ่มตัวโตขึ้นนิด หน้าเรียวยาว หูตั้ง แถมซนและดื้อมาก เราเริ่มเข้าใจว่า… นี่มัน ‘ชิวาวัด’ ชัด ๆ เลยนี่นา! 😂
ถึงจะไม่ใช่หมาพันธุ์แท้ แต่พี่จี๊ดเป็นหมาที่ “รักเราแบบไม่มีเงื่อนไข” ทุกเช้าจะมาซบ มาหอมแก้ม ทุกเย็นจะรอหน้าบ้าน กระดิกหางดีใจสุดชีวิต

ถ้าวันไหนกลับดึกก็จะกระโดดบ่นเสียงดังว่า “ทำไมกลับช้า!” ยามเราน้ำตาไหล…เขาจะมาเลียหน้าเบา ๆ เหมือนปลอบ
10 ปีที่ผ่านมา พี่จี๊ดอยู่กับเราทุกช่วงอารมณ์ของชีวิต เคยมีช่วงที่เราท้อแท้จนอยากหายไป แต่คำถามเดียวในหัวตอนนั้นคือ

“ถ้าเราไม่อยู่แล้ว…ใครจะอยู่กับพี่จี๊ด?” แค่นั้นก็ทำให้ล้มเลิกความคิดนั้นทันที หมาตัวนี้อาจไม่ใช่หมาพันธุ์ดี แต่เขาคือ “ลูกชายที่ดีที่สุด” ที่เรารักที่สุดในชีวิต

และจะรักแบบนี้ ไปจนวันสุดท้ายที่เราจะได้หอมแก้มกัน

9.น้องฮาเธอร์ (Pharaoh IsisFamily)

จากวันแรก…ถึงวันนี้

เธอเป็นหมาตัวสุดท้อง…และอาจจะเป็น “คนสุดท้าย” ที่นุดแม่ตั้งใจจะเลี้ยงวันแรกที่มา เธอแป้นแล้น สดใส หน้าตาน่าหยิกแก้ม ใครเห็นก็รักแต่สิ่งที่เธอมีมากกว่าความน่ารัก ก็คือ “เลือดบางแก้วเข้มข้น 100%”

ฟันน้ำนมแต่ละซี่ไม่ได้หลุดเอง เพราะเธอเลือก “ฝังไว้” ที่ขาพี่ไอซิส หมาสายแบนด็อกต่างสายเลือด

ตอน 4 เดือน เธอเริ่มเปิดศึก ตอน 6 เดือน นุดแม่เริ่มปวดหัว เธอกัดกับเจ้ไอซิสจนสงสารเจ้แบบจับใจ ต้องพาไปฝึกเอง ปรับพฤติกรรม หาแนวทางให้เธอมี “สติ” มากกว่า “สันดาน”

ค่อย ๆ ใช้ใจปรับ ค่อย ๆ รอให้เธอเข้าใจ แล้วอยู่ดี ๆ วันหนึ่ง เธอก็ “ยอมพี่”จากคู่กัดกลายเป็นคู่เล่น จากต้องแยกห้องกลายเป็นนอนใกล้กัน จนตอนนี้ น้อง 1 ขวบครึ่งเจ้ไอซิส 2 ขวบ 8 เดือนอยู่ร่วมกันได้ ไม่ทะเลาะแรง นุดแม่ก็ถือว่า “สุดยอดแล้ว” 1 ปีกว่า ที่เราผ่านทั้ง
ตะมุตะมิ ตะบะแตก

และตอนนี้เธอกำลังเป็น “คนดีนิด ๆ” เริ่มเข้าใจว่า บ้านนี้ไม่ใช่สนามรบนุดแม่ก็รักหนูเหมือนเดิมและจะค่อย ๆ เลี้ยงไปเรื่อย ๆ ไม่รีบ ไม่เร่ง

แค่อยากให้หนูเป็นบางแก้วที่มีสติ และเป็นหมาที่คนรอบข้าง “รักได้โดยไม่ต้องกลัว” ตอนนี้เธอเริ่มรับงานแสดงได้แล้ว บางชิ้นก็ผ่าน บางชิ้นก็วุ่น แต่นุดแม่ก็อยากตะโกนบอกโลกว่า…เก่งมากนะลูก! และต่อให้เธอแสบอีกแค่ไหน แม่ก็จะอยู่ตรงนี้ เพื่อเลี้ยงหนูให้โต

ด้วยความรัก และสติเยอะ ๆ ทั้งของแม่และของหนูเอง

10.น้องคูเปอร์ (Onlie Ka)

จุดเริ่มต้นของคูเปอร์…

มาจากวันที่บ้านต้องบอกลาพี่โคนี่ หมาประจำบ้านไปอย่างกะทันหัน บ้านที่เคยเต็มไปด้วยสัตว์เลี้ยง ทั้งหมา แมว กระต่าย เต่า นก หนูสายพันธุ์แปลก ๆ…
จู่ ๆ ก็กลายเป็นบ้านที่เงียบเกินไป

ความเคยชินที่มีเสียงเล็บก๊อกแก๊กวิ่งตาม พอหายไป มันเศร้ากว่าที่คิด จึงตัดสินใจหาหมาตัวใหม่เป็นครั้งแรกในชีวิต — “คูเปอร์” เขาเป็นหมาตัวแรกที่ซื้อมาเอง ไม่ได้มาจากฟาร์ม แต่เกิดจากความรักของคนธรรมดา
ตั้งแต่วันแรกที่คูเปอร์เข้าบ้าน ก็ทุ่มเทดูแลแบบเต็มที่ แต่แล้วปัญหาก็เข้ามาเร็วเกินคาด…คูเปอร์ต้องผ่าตัดตั้งแต่อายุ 9 เดือน เพราะเอ็นสะบ้าฉีก ผ่าแล้วก็ยังหลุดอีก ต้องคอยคุมอาหาร ออกกำลังกาย และทานวิตามินบำรุงต่อเนื่อง

ถึงวันนี้เกือบ 3 ปีแล้ว สิ่งเหล่านี้ยังคงทำอยู่เหมือนเดิม — เพราะรู้ว่า “หมาพูดไม่ได้ แต่เรารู้ว่าเขารู้สึก” อาจไม่มีใครรู้ว่าคูเปอร์เคยผ่านอะไรมาบ้างแต่เรารู้ และเราจะไม่ปล่อยให้เขาขาดอะไร
เด็กหมาตัวนี้เคยต้องเสียช่วงวัยเด็กไปกับการรักษา เราจึงพาเขาไปทุกที่ที่ไปได้ ร่วมอีเวนต์ K9, ไปเที่ยวต่างจังหวัด, เดินป่า สูดอากาศดี ๆ

ไม่ใช่เพราะอยากโชว์ว่าเลี้ยงหมาแบบพรีเมียม แต่เพราะอยาก “คืนช่วงเวลาที่เขาเคยเสียไป” ให้กลับมาเป็นความสุขคูเปอร์อาจไม่ใช่หมาที่สมบูรณ์แบบ แต่เราจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด เพราะหมามีอายุสั้นกว่าเรา
และทุกนาทีที่เขายังอยู่ คือของขวัญที่เราต้องรักษาไว้ให้เต็มหัวใจ ขอบคุณที่ให้เล่าเรื่องของคูเปอร์ และหวังว่ามันจะเป็นกำลังใจให้ใครก็ตามที่กำลังเลี้ยงสัตว์ด้วยความตั้งใจ

เราไม่ได้เลี้ยงหมา เราเลี้ยง “ลูกชายคนหนึ่ง” ต่างหาก

11.น้องมะขามและน้องขนุน (Dokchoorung Jaruwan)

จากวันแรก…ถึงวันนี้

ปี 2009…คือปีที่แม่ได้เจอ “เจ้าขนุนน้อย” กับ “เจ้ามะขามดำ” เป็นครั้งแรก ขนุนมาแบบงง ๆ เพราะแม่ตั้งใจจะเลี้ยงลาบราดอร์ แต่แล้วกลับได้ เซนต์เบอร์นาร์ดตัวกลม ๆ นมชมพู มาแทน
แถมยังเจอเรื่องชวนจำไม่ลืมตั้งแต่วันแรก วันที่จะไปรับน้องที่คาร์โก้สุวรรณภูมิ รถตกหลุมจนแหนบหักต้องเปลี่ยนรถกะทันหัน กว่าจะไปถึง…เกือบตี 1

เปิดกรงสีชมพูออกมา เจอลูกหมาน้อยหลับปุ๋ย… เหมือนมอบคำว่า “บ้าน” ให้กันแบบไม่ต้องพูด 15 วันหลังจากนั้น “เจ้ามะขาม” หมาดำลาบราดอร์ที่ตั้งใจไว้ ก็เดินเข้ามาเติมเต็มอีกครึ่งของหัวใจ

สองตัวนี้เกิดห่างกันแค่ 2 วัน โตมาด้วยกัน ซนด้วยกัน ดื้อด้วยกัน แล้วอยู่ดี ๆ วันหนึ่ง ชีวิตแม่ก็เหมือนถูกตัดขาดจากโลก
ความรักพังทลาย ความผูกพันบางอย่างขาดสะบั้น

ในเสี้ยววินาทีแห่งความมืด…แม่หันไปถามหมาทั้งสองว่า“ไปตุยกับแม่ไหม?”มะขามเลียหน้าแม่ทันที น้ำตาไหลพร้อมกันทั้งคู่ ขนุนไม่พูดอะไร แค่นอนซบอยู่บนตัก
และนั่นคือวินาทีที่แม่รู้ว่า ไม่ว่าใครจะไป…แต่หมาไม่เคยทิ้งเราเลย

หลังจากนั้น แม่เลี้ยงทั้งสองตัวแบบแม่เลี้ยงเดี่ยว อาจไม่หรู ไม่ได้พาไปเที่ยวทุกสัปดาห์แต่ทุกวันเต็มไปด้วย “ความรักที่ดีที่สุดเท่าที่แม่จะให้ได้”
เราขับรถไปชมเมืองด้วยกันกินด้วยกัน นอนด้วยกัน และอยู่ด้วยกัน…จนวันสุดท้าย

ขนุน—ตัวใหญ่ ข้อต่อสะโพกเสื่อม มะขาม—ตัวดำ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ทั้งคู่จากไปในวัย 12 กับ 13 ปี

แต่ไม่มีวันไหนเลยที่แม่ไม่คิดถึง เพราะพวกเขาไม่ใช่แค่หมา พวกเขาคือเพื่อน
คือครอบครัว คือกำลังใจในวันที่ชีวิตไม่มีใคร

และคือ “เหตุผล” ที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ รักตั้งแต่แรกพบ รักในทุกช่วงชีวิต

ขอบคุณมะขาม ขอบคุณขนุน สักวันเราจะได้พบกันอีกครั้งนะลูก

12.น้องแดอุน (แดอุน เจ้าตัวป่วน)

จากวันแรก…ถึงวันนี้

ไม่รู้ว่าใครเลือกใครก่อนกัน…แต่ตั้งแต่วันที่เรามองตากันครั้งแรก แม่ก็รู้เลยว่า “เจ้าตัวเล็กคนนี้” จะกลายเป็น ความสุขประจำวันของแม่ แดอุน เจ้าหมาน้อยจอมทะเล้น ยิ้มเก่ง วิ่งเก่ง ใจเก่งเกินตัวลูกเติบโตมาพร้อมเสียงหัวเราะของแม่และความสามารถที่ทำให้แม่ทึ่งเสมอ

ไม่ว่าจะโชว์อะไรบนเวที หรือแค่เล่นซนอยู่บ้านเฉย ๆ ลูกก็ทำให้แม่ “ภูมิใจได้ทุกวัน” แดอุนไม่ใช่แค่หมาเก่ง แต่เป็น “เพื่อนแท้” ที่เข้าใจแม่โดยไม่ต้องพูด เป็นพลังเงียบที่คอยประคองหัวใจแม่ในทุกวัน

และเป็นแรงผลักเบา ๆ ที่ทำให้แม่กล้าก้าวไปข้างหน้าเราเดินเคียงข้างกันมาแล้วในวันธรรมดา และในคืนที่เต็มไปด้วยความฝัน

ทุกวันนี้แดอุนก็ยังซนเหมือนเดิมยังชอบกัดรองเท้าแม่ทุกวันจนแม่สงสัยว่าคู่ไหนจะรอดได้บ้าง แต่ก็อย่างที่รู้…แม่รักเจ้าตัวแสบนี้ที่สุดอยู่ดี เพราะแววตา ความฉลาด และความเจ้าเล่ห์นิด ๆ ยังทำให้แม่ “ตกหลุมรักซ้ำ ๆ” ได้เสมอ

อยู่กับแม่ไปนาน ๆ นะ แดอุนของแม่ เพราะแม่ยังมีอีกหลายที่อยากพาไป และยังมีเรื่องสนุกอีกเยอะ… ที่อยากเล่าให้ลูกฟังระหว่างทาง

13.น้องมุซัน (Sirilak Silajan)

จากวันแรก…ถึงวันนี้

ตอนคุณยายเลือก “มุซัน” มาเลี้ยง ขาเป็นหมาตัวเล็กสุดของคอก เงียบ เรียบร้อย ไม่ร้อง ไม่เห่า ไม่ดื้อ แต่พอกลับมาถึงบ้าน…

ก็พบว่า มุซันคือตัวจริงเสียงจริงของคำว่า “หลอกลวงแบบน่ารัก” เพราะน้องซนสุด ๆ ดื้อใช้ได้ พลังเหลือเฟือ และเล่นไม่รู้จักเหนื่อย
อาจเพราะเป็นหมาตัวเดียวในบ้าน เลยได้รับทั้งความรักและ “การตามใจ” แบบเต็มอัตราศึก

มุซันกลายเป็นเจ้าตัวป่วนที่เติมสีสันให้บ้าน ชอบที่สุดคือลูกบอลเล็กมีเสียง เวลากัดแล้วดัง หรือเวลาแม่โยนให้วิ่งไปคาบ

ชอบมากจนบางทีซ่อนไว้เฉย ๆ แล้วรอให้แม่ซื้ออันใหม่ พอแม่ไม่ซื้อซะที…ก็ค่อยแอบงัดลูกเก่ามาเล่นแบบเนียน ๆ

ถึงจะซน แต่ก็ฉลาด เรียนรู้ไว สอนให้นั่งรอ ขอมือ เดินสองขาก็ทำได้

แค่บางทีพลังเยอะไปหน่อย ชอบพุ่งใส่พ่อเหมือนสปาร์ตันเลยต้องค่อย ๆ ปรับพฤติกรรมกันไป

วันนี้มุซันอายุ 4 ขวบแล้ว เข้าสู่ปีที่ 5 สุขภาพแข็งแรงดี กินจุเหมือนเดิม และยังแทะไม้เก่งไม่เปลี่ยน ไม่ว่าไม้จะมาจากไหน น้องหาเจอได้ทุกวัน

เขาอาจจะเล่นแรงบ้าง แต่ใจดีทุกครั้งที่มีแขกมาบ้าน เป็นเจ้าบ้านต้อนรับแขกลุงป้าน้าอาอย่างสุภาพ

มุซันคือ “พี่หมาตัวใหญ่” ที่หัวใจนุ่มนิ่ม และเป็นลูกรักประจำบ้านที่ไม่มีวันถูกแทนที่ได้เลย

14.น้องยุกยิก (Kritsana Ruanjan)

จากวันแรก…ถึงวันนี้

บ้านเรามีแมวเกือบ 20 ตัว และก็ไม่คิดเลยว่าจะมี “หมา” เข้ามาเพิ่มได้อีก จนวันหนึ่ง…ลูกสาวบอกว่าอยากเลี้ยงลูกหมาสักตัว

เราเลยตัดสินใจรับ “น้องยุกยิก” มาจากการ adopt เขาเป็นน้องหมาพันธุ์คอร์กี้ ขาสั้น หน้าตาซื่อ ๆ และเป็นหมาตัวแรกในรอบ 10 ปีที่เข้ามาอยู่ในบ้านแมว

ตอนรับมา ยุกยิกอายุประมาณ 5 เดือน และมีอาการเฉพาะตัวตั้งแต่เกิด หัวสั่นนิด ๆ คอเอียงนิดหน่อยเหมือนกำลังสงสัยโลกใบนี้อยู่ตลอดเวลา

จะบอกว่าน่ารักไหม…ก็น่ารักแบบงง ๆ แหละ

ผลตรวจบอกว่าเป็นเพราะกระดูกชั้นในหูไม่เท่ากัน แต่สุขภาพโดยรวมแข็งแรงดีมาก อาจได้ยินเสียงไม่เท่าหมาตัวอื่น แต่เขา “ฟังใจเรา” เก่งมาก
และสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือ…ยุกยิกไม่เห่าเลย ตลอด 2 ปีที่อยู่ด้วยกัน เห่าแค่ 16 ครั้ง (เรานับจริง ๆ!)

ไม่ได้สอนด้วยนะ เขาแค่เป็นแบบนั้นเอง และนั่นอาจเป็นเพราะ…เขามาอยู่ด้วยใจ ไม่ใช่ด้วยเสียง

ยุกยิกกลายเป็น “เพื่อนที่เงียบแต่นุ่มละมุน”สำหรับลูกสาวของเรา และกลายเป็น “รักใหม่ในบ้านที่เต็มไปด้วยแมว” เราอาจไม่ได้เริ่มจากความคุ้นเคย

แต่นับจากวันแรกที่เลือกน้องมา เราก็พยายามให้ทุกอย่างดีที่สุดเท่าที่เขาคู่ควร และทุกวันนี้ ยุกยิกก็ตอบแทนเราด้วยการ
อยู่เคียงข้างลูกสาวเสมอ…แบบเงียบ ๆ แต่ไม่เคยหายไปไหนเลย

15.น้องปุณ (Pann Chaichareonchon)

จากวันแรก…ถึงวันนี้

วันแรกที่ป๊าเจอหนู อาจไม่เหมือนเรื่องราวของใครหลายคน เพราะเราพบกันตอนที่หนูอายุ 4 ขวบแล้ว ผ่านชีวิตมาไม่น้อย

แต่ป๊าเชื่อว่า…การเจอกันไม่จำเป็นต้องเร็ว แค่ “ทันกัน” ก็พอ เราเริ่มต้นจากการเรียนรู้กันและกัน ทั้งเรื่องการกิน นิสัย การปรับตัว แต่หนูไม่ดื้อเลย

ป๊าเลยตั้งชื่อใหม่ให้ว่า “ปุณ” เพราะอยากให้หนูได้รับความรักแบบเต็ม ๆ และทุกวันนี้…ปุณก็เป็น “ความรักเต็มบ้าน”ไม่ว่าไปไหน ก็ไปด้วยกัน

นั่งรถจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ก็เคยมาแล้ว อยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจ แบบที่ไม่ต้องเริ่มตั้งแต่วันแรก แต่ทุกวันก็กลายเป็นวันสำคัญ

ตอนนี้ปุณ 6 ขวบแล้ว ป๊าหวังแค่ให้หนูแข็งแรง ร่าเริง และยังคงไปเที่ยวด้วยกันแบบนี้ไปอีกนานแสนนาน

เพราะตั้งแต่ปุณเข้ามา หัวใจของป๊า…ก็ “เต็ม” แล้วจริง ๆ

Shopping Cart

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ Privacy Policy และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า
Scroll to Top